วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

Happy Anniversary 4th year 2PM&Hottest







2008년 9월4일부터 2012년 9월4일 지금까지 4년동안 항상 곁에있어주신 여러분 덕분에 달릴수 있었습니다. 앞으로도 같이 힘내요^^ 저도 새로운 날개로 멋지게 활동하렵니다!!! Love you HOTTEST all over the world

ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2008 จนถึงตอนนี้ วันที่ 4 กันยายน 2012 เพราะแ ฟนๆ คอยเคียงข้างผมมาตลอด 4 ปี ผมถึงวิ่งมาได้ สู้ต่อไปด้วยกันนะครับ^^ ผมจะติดปีกใหม่บินไปอย่างเท่!!! Love you HOTTEST all over the world

Credit Tran Kor-Thai : Tik0124@2PMAlways







4주년 지켜봐주신것만큼 더욱더 좋은모습 발전해가는 모습 보여드리겠습니다 감사합니다

ผมจะพัฒนาให้ดีมากขึ้นให้สมกับ 4 ปีที่ทุกคนเฝ้ามองผมมา ขอบคุณครับ

Credit Tran Kor-Thai : Tik0124@2PMAlways


        

데뷔 4주년 되는 날입니다. 2PM 4TH ANNIVERSARY! THANK YALL FOR SUPPORTING US THROUGHOUT THE YEARS! 今日僕らデビューしてから4年めになりますこれからも僕らがんばりますから応援してください!!見んな愛しるよ


 วันนี้ครบรอบ 4ปีนับตั้งแต่พวกเราเดบิวท์. //
 2PM ครบรอบ 4 ปีแล้ว ขอบคุณพวกคุณทุกคน สำหรับแรงสนับสนุนพวกเราตลอดทั้งปีนะครับ // วันนี้พวกผมเดบิวท์มาเป็นปีที่4แล้วครับ ต่อจากนี้ไปพวกผมก็จะพยายามเต็มที่ ช่วยเชียร์กันด้วยนะครับ!! รักทุกคนนะ


우리 HOTTEST 마음.. 나의 마음.. 똑같아.. 사랑합니다.!!

หัวใจของ HOTTEST .. หัวใจของผม... เหมือนกัน... รักครับ.!!

Credit Tran Kor-Thai : Tik0124@2PMAlways
Credit Tran Jpn-Thai : Jujang_J





        




สำหรับคนนี้ ขอบคุณที่พี่กลับมา พร้อมประโยคสั้นๆที่ทำให้น้ำตาไหล รักนะคะพี่คุณ ><




4주년... 항상 팬분들께 보답하는마음으로 파이팅 할께요^^ 사랑합니다♥

ครบรอบ 4 ปี... ผมจะสู้ๆ ด้วยความรู้สึกที่จะตอบแทนแฟนตลอดไป^^ รักครับ♥

Credit Tran Kor-Thai : Tik0124@2PMAlways









투피엠 4주년이군요..!! 많고 많은 일들이 스쳐지나가서 저희에게는 많은 추억과 가르침이 된 기억들이 많네요..!! 지금까지 함께해온 핫티스트 여러분 너무나 감사하고 사랑합니다^^..앞으로도 계속 잘부탁 해요ㅇㅡㅇ!!!

ทูพีเอ็ม 4 ปีแล้ว..!! เรื่องราวต่างๆ ผ่านมาแล้วผ่านไป สำหรับพวกเราแล้วมีความทรงจำและสิ่งที่สอนเรามากเลยครับ..!! ฮอทเทสทุกคนที่อยู่เคียงข้างเรามาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณและรักพวกคุณครับ^^..ตอ่ไปก็รบกวนด้วยนะครับㅇㅡㅇ!!!

Credit Tran Kor-Thai : Tik0124@2PMAlways
_________________________________________________________________________________

ถึงจะเป็นฮอตได้ไม่ถึง 1 ปี แต่อยากให้รู้ไว้นะว่ารัก 2PM มากๆ
4 ปีที่บ่ายสองมีฮอตเทส 4ปีที่ฮอตเทสมีบ่ายสอง
อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป เคียงข้างกันอย่างนี้ตลอดไปนะ 2PM & Hottest ^^
#4HOTTESTyearswith2PM






วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

[แปลไทย] สัมภาษณ์ นิชคุณ 2PM นิตยสาร Z_ZIN ฉบับที่ 8 เดือนมิ.ย. 2012


ข้อมูลก่อนอ่านบทสัมภาษณ์: Z_ZIN คือ นิตยสารของ Zo Sunhee เธอคือสาวช่างภาพชื่อดังของประเทศเกาหลี ก่อนหน้านี้ เธอได้เคยร่วมงานกับ 2PM มาแล้วหลายครั้ง และผลงานชิ้นโดดเด่นที่สุดที่เธอได้เป็นช่างภาพให้กับ 2PM คือ ถ่ายแบบนิตยสาร W ฉบับเดือนกันยายน 2009 ถ่ายแบบอัลบัมภาพ Calvin Klein และถ่ายอัลบัม Don’t Stop Can’t Stop แฟนๆสามารถเห็นหน้าช่างภาพสาวมากความสามารถ Zo Sunhee คนนี้ได้ ในคลิปเบื้องหลังรายการ O'Live with Junsu, Taecyeon, Wooyoung 2010 

***บทกลอนและข้อคิดจาก นิชคุณ***

เพียงเมฆลม ทำให้รู้ ค่าความรัก
เพียงฝนสาด ช่วยประจักษ์ ค่าแห่งแสง
เพียงขาดน้ำ ช่วยนึกถึง ค่าฝนแรง
เพียงเจ็บแปลบ ทำให้ซึ้ง ค่าสุขใจ
เพียงแค่ความปวดร้าวพัดผ่านไป เราทุกคนก็จะสามารถรับรู้ถึงสิ่งล้ำค่า ที่เรียกว่า ความรัก…

ช่างน่าแปลกจริงๆเลย
ทำไมคนเราถึงเป็นเช่นนี้ ยามที่มีสิ่งใดอยู่ข้างตัวเรา
ทำไมเราถึงไม่ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งนั้น จนกระทั่ง สุดท้ายสิ่งนั้นก็ไม่ได้อยู่ข้างเราแล้ว…
เราทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะรู้สึกขอบคุณสิ่งเล็กๆแต่เป็นสิ่งที่มีค่าในชีวิตเรา
ปล.ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป…

นิชคุณ

***บทสัมภาษณ์***

Z_ZIN: คุณคิดว่าอะไรที่จะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกแปลกใจ?

นิชคุณ: แปลกใจ นี่หมายถึงยังไงหรอครับ?

Z_ZIN: ก็แบบรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกจังนะ

นิชคุณ: เรื่องที่ผมคิดว่าแปลกหรอครับ? อืม… (หยุดคิด) เหมือนแบบบางทีมีบางเรื่องที่เราไม่เข้าใจเลย แบบนั้นได้มั้ยครับ?

Z_ZIN: ใช่แบบนั้นแหละ

นิชคุณ: ครับ

Z_ZIN: ว่ากันตามจริง คำถามที่เราสัมภาษณ์ยากนะคะเนี่ย

นิชคุณ: ใช่ครับ คือมีบางเรื่องที่ผมไม่ค่อยเข้าใจน่ะครับ! อืม… ผมจะอธิบายคำตอบยังไงดีล่ะ? คือจริงๆเลยนะครับผมรู้สึกแปลกๆและก็งงน่ะครับ เวลาที่คนเราคิดถึงและไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งสำคัญและไม่ใช่สิ่งจำเป็นครับ เช่นเวลามีคนดังหรือใครซักคนที่เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมา…บางครั้ง ผมก็ไม่เข้าใจครับว่าทำไมคนเราต้องเอาแต่พูดว่า “ว้าว พวกเขาเยี่ยมไปเลย” ทั้งๆที่ทั้งผมและทุกคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำครับว่าทำไมคนนั้นถึงได้มีชื่อเสียงขึ้นมา (นิชคุณ พยายามจะสื่อว่าบางทีคำพูดของคนเราที่เอาแต่ชื่นชมใครซักคนที่มีชื่อเสียง ไม่สำคัญเท่ากับการมองให้ลึกและเชิดชูความพยายามของคนนั้นก่อนที่จะประสบความสำเร็จได้)

Z_ZIN: นั่นเป็นเรื่องที่คุณคิดว่ามันน่าแปลกหรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ เพราะผมไม่เข้าใจมันเลยครับ

Z_ZIN: แต่คุณก็เป็นคนดังไม่ใช่หรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ แต่ผมคิดอย่างนี้นะครับว่า…ผมเริ่มต้นได้ เพราะผมแค่เป็นคนโชคดีคนนึง ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถก้าวขึ้นมายืนในจุดนี้ได้ครับ

Z_ZIN: ใช่เลย ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ฉันคิดว่าทุกคนสามารถเป็นเหมือนกับฉันได้

นิชคุณ: ถูกต้องครับ

Z_ZIN: แล้วคุณคิดว่า สำหรับ นิชคุณ ในทุกวันนี้ เวลามีคนชื่นชมถือว่าเป็นเรื่องที่แปลก? ไม่น่าใช่ อะไรแบบนี้มั้ย?

นิชคุณ: อ่า…ครับ ผมไม่คิดแบบนั้นนะครับ นับตั้งแต่วันที่ผมก้าวเข้ามาสู่เส้นทางสายนี้ ผมก็ฝึกฝนอย่างหนักและทำทุกอย่างให้ดีที่สุดครับ 

Z_ZIN: หลังจากมาที่เกาหลี อะไรเป็นสิ่งที่น่าแปลกที่สุดสำหรับนิชคุณคะ?

นิชคุณ: อืม…ลักษณะของคนเกาหลีล่ะมั้งครับ? เร่งรีบ เร่งรีบ เร่งรีบ เร่งรีบ…ทุกๆวัน ผมจะได้ยินแต่คำว่า เร็วๆหน่อย เร็วๆสิ มาคิดดูแล้ว ตอนผมมาแรกๆผมรีบเร่ง วิ่งวุ่นทำทุกอย่างรวดเร็วทุกวันมั้งครับเนี่ย?

Z_ZIN: วิ่งวุ่น?

นิชคุณ: ใช่ครับ ทำอะไรแบบเร็วๆทำทุกอย่างแบบเร่งรีบ ใช่เลยครับ! ผมเคยอยู่ที่อเมริกามาก่อน คนที่นั่นโดยเฉพาะ คนแคลิฟอร์เนีย จะพูดกันว่า “สบายๆ..รีแล็กซ์” แต่พอผมมาที่เกาหลี ทุกคนต่างทำอะไรกันอย่างเร่งรีบและพูดเสมอว่า ให้ทำนั่นเร็วๆ ทำนี่เร็วๆ…ตอนแรก ผมไม่เข้าใจเลยล่ะครับ

Z_ZIN: แล้วตอนนี้ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง? คุณปรับตัวได้รึยังคะ?

นิชคุณ: ตอนนี้ผมคิดว่า ผมกลายเป็นคนแบบนั้นไปแล้วล่ะครับ ขนาดเวลาผมทำงาน ผมยังต้องการความรวดเร็วเลยครับ…

Z_ZIN: ฉันเดาว่า นิชคุณ กลายเป็นคนที่พูดแบบนี้เหมือนกันแน่เลย “เร็วหน่อยครับ เร่งมือหน่อยครับ” 

นิชคุณ: ถูกต้องเลยครับ

Z_ZIN: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

นิชคุณ: ทุกวันนี้นะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรแบบชิลๆเลยครับ แต่ทำแบบรวดเร็ว

Z_ZIN: ใช่เลยค่ะ ฉันก็ทำทุกอย่างแบบรวดเร็วเหมือนกัน ไม่ว่าจะทำอะไร ทำให้เร็ว ทำให้ดี นั่นคือสิ่งสำคัญค่ะ

นิชคุณ: ถูกต้องเลยครับ

Z_ZIN: จริงๆฉันเคยอยู่อเมริกาประมาณ 8 เดือนนะคะ ตอนนั้น ฉันคิดว่าตัวเองแทบจะเป็นบ้าเลยค่ะ เพราะทุกอย่างดูช้าไปหมดเลย

นิชคุณ: ฮี่ๆๆ

Z_ZIN: ที่นั่นงานชิ้นนึงใช้เวลาทำกันทั้งวัน ฉันคิดว่านั่นเป็นการทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆนะ ที่นี่เพียงแค่คุณไปถึงพวกเขาก็ลงมือทำงานกันทันทีเลย

นิชคุณ: ใช่เลยครับ เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

Z_ZIN: พอคุณก้าวมามีชื่อเสียงในฐานะสมาชิกไอดอลชื่อดัง 2PM นั่นคงทำให้คุณรู้สึกไม่สะดวกใจในการทำอะไรในบางทีนะคะ

นิชคุณ: ใช่ครับ ผมเคยมีความรู้สึกแบบนั้นครับ เพราะผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยครับว่า ผมที่เป็นคนต่างชาติจะกลายมาเป็นคนมีชื่อเสียง และได้รับความสนใจ ความรักมากมายขนาดนี้

Z_ZIN: ตอนคุณมาที่นี่แรกๆ คุณเคยคิดกับตัวเองมั้ยคะว่า “ฉันจะต้องเป็นคนดัง” หรือ “ฉันจะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ” อะไรแบบนี้น่ะค่ะ?

นิชคุณ: ไม่ครับ ตอนที่ผมก้าวเข้ามา เริ่มทำทุกอย่าง ผมไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนั้นเลยนะครับ

Z_ZIN: แล้วคุณมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ยังไงหรอคะ?

นิชคุณ: อืม…ผมไม่เคยมีความฝันเลยนะครับ ว่าผมจะมาเป็นนักร้อง

Z_ZIN: ถ้าอย่างนั้น อะไรคือแรงจูงใจของคุณหรอคะที่ทำให้คุณคิดว่าจะมาเป็นนักร้อง?

นิชคุณ: ตอนนั้น เพียงเพราะคำของคุณพ่อ คุณแม่ที่บอกให้ผมลองพยายามดูครับ

Z_ZIN: อ่า เพราะครอบครัวใช่มั้ยคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ ท่านบอกผมว่า โอกาสแบบนี้ไม่ได้มาหาเราทุกวันนะ

Z_ZIN: แล้วตอนที่โอกาสนั้นเข้ามาหาคุณ นั่นเป็นโอกาสที่คุณออกไปตามหา? หรือเป็นโอกาสที่เดินเข้ามาหาคุณคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ ตอนนั้นคืออาจเรียกได้ว่าโอกาสเดินเข้ามานะครับ ผมได้ไปที่คอนเสิร์ตหนึ่งและมีใครบางคนเดินเข้ามาหาผม บอกให้ผมลองไปออดิชัน ตอนแรกผมบอกปฏิเสธไปครับ

Z_ZIN: ใครเป็นคนแนะนำคุณให้ไปออดิชันหรอคะ?

นิชคุณ: เป็นเพียงทีมงานที่หาเด็กฝึกใหม่มั้งครับ…คือตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องร้องเพลงหรือการเต้นเลยครับ

Z_ZIN: คุณคิดว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเข้ามาบอกคุณให้ไปออดิชันหรอคะ?

นิชคุณ: บางทีอาจเป็นเพราะหน้าตาผมมั้งครับ

Z_ZIN: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

นิชคุณ: ไม่รู้สิครับ? ผมหมายถึง ผมไม่ใช่คนเกาหลี พูดเกาหลีก็ไม่ได้ เต้นอะไรก็ไม่เป็น ผมเลยบอกปฏิเสธไปน่ะครับเพราะผมไม่มีความสามารถพวกนี้เลย แต่เขาก็ยังคอยเพียรโทรหาผม ครั้งหนึ่งพวกเขานัดให้ผมไปพบครับ เขาบอกผมว่าให้มาเจอและนั่งคุยกันที่ ร้านสตาร์บัค และผมก็ไป แต่พอผมไปถึง พวกเขาก็เซ็ทกล้อง เซ็ทอะไรไว้ทุกอย่างหมดแล้วและบอกผมว่า ให้ลองเต้นหน่อย ต่อหน้าคนเยอะแยะเลยนะครับ ตอนนั้นที่นั่นคนเยอะจริงๆครับ

Z_ZIN: แล้ว คุณได้เต้นมั้ยคะ?

นิชคุณ: ครับ ผมเต้น

Z_ZIN: พวกเขาดูเหมือนไม่ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าไว้มากนัก ฉันเลยคิดว่าคุณคงไม่เต้น

นิชคุณ: แต่ผมเต้นนี่สิครับ

Z_ZIN: ทำไมตอนนั้นคุณถึงตัดสินใจทำแบบนั้นล่ะคะ?

นิชคุณ: ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ






Z_ZIN: คุณตัดสินใจทำแบบนั้นทั้งๆที่ไม่ต้องทำก็ได้ ฉันคิดว่า นั่นคงเป็นโชคชะตาแน่นอนค่ะ

นิชคุณ: ผมก็คิดอย่างนั้นครับ

Z_ZIN: แล้วตอนนั้น ความคิดของคุณเป็นยังไงหรอคะ? คือตอนแรกคุณจะเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรที่ไม่ได้มีการวางแผนไว้ก่อนนี่นา ใช่มั้ยคะ?

นิชคุณ: อืม ครับ…ผมต้องเปลี่ยนแนวคิดเยอะนิดหน่อยนะครับ

Z_ZIN: เปลี่ยนหลังจากนั้น…

นิชคุณ: ใช่ครับ จากเหตุการณ์นั้นผมก็เริ่มมองความคิดตัวเองในอีกมุมหนึ่งครับ

Z_ZIN: แต่ที่คุณทำแบบนั้น มันเยี่ยมจริงๆนะคะ

นิชคุณ: ทำไมผมถึงตัดสินใจทำแบบนั้น ผมไม่รู้จริงๆครับ ตอนที่ผมเจอพี่จินยอง พี่เขาพูดว่า คนนี้เนี่ยนะ? พี่จินยองพูดว่า ทำไมทีมงานถึงพาผมเข้าไปออดิชันและตอนแรกก็จะบอกปฏิเสธครับ แต่คนที่บอกให้ผมลองมาออดิชันก็พูดขอร้องพี่จินยองครับ ขอให้เชื่อในตัวผมครับ

Z_ZIN: ฉันแอบอยากรู้นะเนี่ย ว่าคนนั้นคือใครกันนะ ทุกวันนี้คุณชอบงานที่คุณทำอยู่มั้ยคะ? หรือคุณคิดว่า ถ้ามีชีวิตปกติแบบคนทั่วไปคงจะดีกว่านี้นะ

นิชคุณ: อ่า ผมเคยคิดแบบนั้นบางครั้งเหมือนกันครับ ผมเคยคิดว่าถ้าทุกวันนี้เราเป็นคนธรรมดาล่ะ…ถ้าเราเป็นแค่ นิชคุณ ล่ะ…นั่นเป็นชื่อจริงๆของผมนะครับ (ออกเสียงว่า นิช-ชะ-คุณ)

Z_ZIN: ชื่อนั้น แปลว่าอะไรหรอคะ?

นิชคุณ: แค่ชื่อเฉยๆน่ะครับ คิคิ จริงๆชื่อเต็มของผมคือ “นิชคุณ บัค หรเวชกุล”

Z_ZIN: ว้าว ยากจังค่ะ ฉันเคยได้ยินมาว่า “นิชคุณ คือ เจ้าชายเมืองไทย”

นิชคุณ: หืม อย่างนั้นหรอครับ?

Z_ZIN: อืม คุณมีเชื้อพระวงศ์มั้ยคะ?

นิชคุณ: ไม่ใช่แน่นอนครับ ฮ่าๆ

Z_ZIN: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

นิชคุณ: ถ้าผมมีเชื้อพระวงศ์ ผมคงไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอกครับ ฮ่าๆ

Z_ZIN: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ใช่เลยค่ะ แล้วถ้าสมมติคุณมาจากครอบที่มีเชื้อสายชาววัง คุณจะไม่ทำแบบนี้หรอคะ? คุณอาจทำไปเพราะความสนุกเฉยๆก็ได้นี่คะ

นิชคุณ: อืม ผมคงไม่ทำเพราะความสนุกหรอกครับ แต่ผมจะเหมือนประมาณว่า…ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากทำ ผมก็จะทำน่ะครับ ถ้าคุณกลายมาเป็นคนดัง คุณต้องใส่ใจในเรื่องภาพลักษณ์ของคุณ อาจเกิดความรู้สึกท้อแท้ในบางครั้งและที่ตรงนี้ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นการตีกรอบให้ตัวคุณว่า สิ่งนี้ห้ามทำนะ แต่ตอนนี้ เรื่องจริงที่อยู่ตรงหน้าคือ ผมคือคนที่ทุกคนรู้จัก และ ผมคือ นิชคุณ ครับ ผมคิดเสมอว่า ผมต้องทำงานให้หนัก ถ้าผมทำอย่างนั้น วันข้างหน้าของผมก็จะเป็นวันที่ดีครับ

Z_ZIN: นิชคุณ เกิดที่เมืองไทยรึเปล่าคะ?

นิชคุณ: ผมเกิดที่อเมริกาครับ

Z_ZIN: คุณพ่อคุณแม่ของนิชคุณอยู่ที่อเมริกาก่อนที่คุณจะเกิดหรอคะ? ท่านตั้งท้องคุณที่นั่นหรอ?

นิชคุณ: ใช่ครับ ท่านทั้งสองอยู่ที่อเมริกาประมาณ 10 ปีครับ

Z_ZIN: และจากนั้นท่านก็ให้กำเนิด นิชคุณ หนุ่มตาใสคนนี้มาใช่มั้ยคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ พี่ชายคนโตกับน้องสาวคนรองของผมเกิดที่อเมริกาเหมือนกันครับ แต่น้องสาวคนสุดท้องเกิดที่เมืองไทย

Z_ZIN: ตอนนี้ คุณพ่อคุณแม่อยู่ที่เมืองไทยหรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ ท่านอยู่ที่เมืองไทย

Z_ZIN: อ้อ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าคุณเกิดที่อเมริกา แล้วอย่างนี้คุณพูดไทยได้คล่องมั้ยคะ? เวลาอยู่บ้าน คุณพูดภาษาไทยรึเปล่าคะ?

นิชคุณ: หลังจากคุณแม่คลอดผม เราก็อยู่ที่นั่นต่อกันอีก 2 ปีครับ

Z_ZIN: โอ้ คุณอยู่ที่อเมริกาต่อ 2 ปี จากนั้นก็กลับมาที่เมืองไทยสินะคะ

นิชคุณ: ใช่ครับ แล้วต่อจากนั้น ผมก็ไปอเมริกาอีกครั้ง เพื่อเรียนน่ะครับ ตอนนั้นภาษาอังกฤษผมแย่มาก ผมแย่มากๆจริงๆครับ ตอนแรกคุณแม่ส่งผมไปอยู่โรงเรียนประจำที่นิวซีแลนด์ก่อน ผมอยู่ที่นั่น 2 ปี ผมเรียนภาษาอังกฤษแบบจริงจังที่นั่นครับ จากนั้นก็เดินทางมาเรียนมัธยมที่อเมริกาครับ

Z_ZIN: นิชคุณ อยู่อเมริกานานเท่าไหร่คะ?

นิชคุณ: ตั้งแต่เรียนมัธยม จนเดินทางมาเกาหลีเลยครับ

Z_ZIN: หลังจากที่ฉันตัดสินใจเลือก นิชคุณ มาเป็นแบบหน้าปก Z_ZIN ให้ ฉันอยากทำให้หน้าปกที่มี นิชคุณ สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ เรื่องของความแปลกใหม่ในความรู้สึกแรกเริ่ม ทั้งสถานที่ที่ต้องมาอยู่ครั้งแรก การเป็นคนแปลกหน้ากับผู้คนในแรกพบ นั่นคือเหตุผลฉันเลือกธีม “คนแปลกหน้าหรือไม่” ว่าแต่ว่า คุณมาอยู่ที่เกาหลีนานเท่าไหร่แล้วคะ?

Z_ZIN: มาพูดเรื่องอาหารกันมั่งดีกว่า อาหารเกาหลีเป็นยังไงบ้างคะ?

นิชคุณ: อร่อยมากครับ ยกเว้น โพชินทัง นะครับ (보신탕 = ซุปเนื้อสุนัข) นอกนั้น เกือบทุกอย่างที่ผมทานอร่อยหมดเลยครับ!

Z_ZIN: อร่อยมากเลยใช่มั้ยคะ? นิชคุณ ทานเผ็ดได้มั้ยคะเนี่ย?

นิชคุณ: ได้นะครับ! ผมทานเผ็ดได้ครับ จริงๆอาหารไทยมีรสเผ็ดซะส่วนใหญ่นะครับ

Z_ZIN: โอ้ หรอคะ อาหารไทยรสเผ็ดหรอคะ?

นิชคุณ: เผ็ดเลยครับ

Z_ZIN: ในช่วงเวลา 6 ปีที่คุณอยู่ที่เกาหลี อะไรที่คุณรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่คุณสะดวกใจที่สุดคะ? พูดง่ายๆก็คือ อะไรที่ใช่และ ‘ไม่ใช่’ สำหรับคุณ? อะไรที่คุณรู้สึกคุ้นเคย…

นิชคุณ: สิ่งที่ผมคุ้นเคยหรอครับ?

Z_ZIN: แบบว่า อะไรที่เคยทำให้คุณรู้สึก “แปลก” ในตอนแรก แต่ตอนนี้คุณสามารถเข้าใจและสะดวกใจกับสิ่งนั้นแล้วน่ะค่ะ

นิชคุณ: อืมม…ครับ จริงๆแล้ว สำหรับผมก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึก “แปลก” หรือไม่สะดวกใจขนาดนั้นหรอกนะครับ

Z_ZIN: ไม่มีหรอคะ?

นิชคุณ: ครับ ไม่มีนะ

Z_ZIN: อืม เพราะว่าคุณเป็นคนเอเชียและยังเคยไปอยู่ต่างประเทศมานานด้วย พอมาอยู่ที่นี่คุณก็เลยสามารถปรับตัวได้ดีนะคะ…

นิชคุณ: ใช่ครับ ที่เมืองไทยบางอย่างก็คล้ายๆกับที่นี่ครับ

Z_ZIN: นิชคุณ ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็น ‘บุคคลรอบโลก’ เลยนะคะเนี่ย

นิชคุณ: ฮี่ๆๆๆ รอบโลกเลยครับ

Z_ZIN: ใช่เลยค่ะ ฉันคิดอย่างนั้น เพราะว่า คุณอยู่ ’ทุกมุมโลก’ เลยล่ะค่ะ คิคิ

นิชคุณ: ตอนนี้ เกาหลี กลายเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของผมแล้วล่ะครับ

Z_ZIN: อื้มมม ใช่เลยค่ะ แต่เพราะนิชคุณไม่ได้เป็นคนเกาหลี 100% นั่นเป็นเหตุผลที่เราคิดว่าธีมนี้เหมาะกับคุณนะคะ คุณต้องมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากคนเกาหลี นั่นเป็นสิ่งที่เราคิดกันค่ะ

นิชคุณ: อื้มมมม ก็มีบางอย่างนะครับ ต้องมีบ้างน่ะครับ

Z_ZIN: ใช่ค่ะ ฉันก็คิดอย่างนั้น

นิชคุณ: ก็มีบ้างนิดหน่อยครับ แต่ไม่ใช่เรื่องหนักอะไรนะครับ…อืม อย่างเช่น เวลาที่ผมกับเพื่อนๆในวงต้องถ่ายทำรายการอะไรสักอย่าง เราจะเล่นกันอย่างสนุกสนานไปรอบๆ และเพื่อนๆก็จะมองหาเกมส์ที่เด็กๆเล่นกัน ช่วยกันเลือกว่าเอาอันนี้หรืออันนั้นดีนะ แต่ผมจะไม่รู้น่ะครับเพราะผมไม่รู้ว่าเด็กๆที่นี่เล่นเกมส์แบบไหนกัน ผมจะรู้สึกตอนนั้นนิดหน่อยว่าตัวเองเป็นคนต่างชาติ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ

Z_ZIN: อ้อค่ะ ฉันเข้าใจเลยค่ะ

นิชคุณ: ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จะถามเพื่อนๆครับว่า “อันนี้เกมส์อะไรหรอ” “เล่นยังไงอ่ะ” แบบนี้ครับ

Z_ZIN: แล้วเวลาที่คุณกับเพื่อนๆในวงกำลังคุยกัน เพื่อนๆมีไม่เข้าใจที่นิชคุณสื่อสารบ้างมั้ยคะ?

นิชคุณ: ก็แทบไม่มีนะครับ

Z_ZIN: สำเนียงภาษาเกาหลีของคุณดีมั้ยคะ?

นิชคุณ: ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันน่ะครับ

Z_ZIN: ดูเหมือนว่าคุณต้องเรียนภาษาแบบคอร์สเร่งรัดเลยนะคะเนี่ย

นิชคุณ: ไม่ว่าผมต้องเรียนแบบเร่งขนาดไหน แต่ถ้านั่นจะเป็นผลดีกับสิ่งที่ผมต้องทำ ผมก็จะพยายามแน่นอนครับ

Z_ZIN: นิชคุณ ต้องเรียนภาษาหนักมากมั้ยคะ?

นิชคุณ: ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ




Z_ZIN: ฉันว่าบางที นิชคุณ อาจซึบซัมสำเนียงที่เป็นธรรมชาติเวลาอยู่กับเพื่อนๆในวงแน่เลยค่ะ รึเปล่าคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ เพราะผมไม่มีเวลาให้เลือกมากนักน่ะครับ แต่ผมยังคงต้องเรียนรู้ในทุกๆด้าน

Z_ZIN: จริงแล้วๆคุณไม่ต้องพยายามเรียนหลักสูตรมากก็ได้นี่คะ? เพราะสำเนียงการพูดของคุณตอนนี้เป็นธรรมชาตินะคะ

นิชคุณ: ผมต้องทำงานครับ ผมจะตั้งใจทำงานให้หนักครับ ฮ่าๆ คุณก็รู้นี่ครับ บางทีเราไม่มีทางเลือกมาก แต่เพราะเราต้องทำงานเยอะน่ะครับ และอีกอย่าง เพราะว่าก่อนที่พวกเราจะเดบิวต์ผมเคยเป็นพิธีกรในรายการ <ยาชิมมันมัน 2> ครับ

Z_ZIN: คุณเคยเป็นพิธีกรหรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ ผมเคยเป็นพิธีกรผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ แต่ผมเป็นพิธีกร ฮ่าๆ

Z_ZIN: จริงหรอคะเนี่ย? ฉันนึกไม่ออกจริงๆนะคะเนี่ย

นิชคุณ: นั่นแหละครับ คิคิ

Z_ZIN: แล้วคุณมาเป็นพิธีกรได้ยังไงคะ ทั้งๆที่ตอนนั้น คุณพูดภาษาเกาหลีไม่ได้เลย?

นิชคุณ: ตอนนั้น จริงๆมีคนมารวมกันประมาณ 10 คนน่ะครับ ดูเหมือนจะเป็นการออดิชันอะไรซักอย่างหนึ่ง ในระหว่างการพูดคุย พี่สาวที่เป็นผู้กำกับก็กำลังพยายามหาใครสักคนที่มีคาแรกเตอร์ตามที่เขาต้องการ ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าทำไมผมถึงไปที่นั่น จากนั้น ตอนที่เขาเข้ามาคุย ก็มีตอนหนึ่งมีเสียงดังขึ้นมาว่า “โอ้? นิชคุณพูดเกาหลีออกมานิดนึงด้วย? โอเคเลยนะ ถ้าอีกหน่อยเขารู้ภาษาเกาหลีมากกว่านี้”

Z_ZIN: พวกเขาต้องคิดแน่เลยค่ะว่า คุณจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน

นิชคุณ: ใช่ครับ ตอนนั้น ผมก็คิดว่าน่าสนุก น่าลองดูเหมือนกันนะ ผมจึงตัดสินใจทำครับ…แต่ถึงผมอยากทำ แต่ก็ต้องยอมรับเลยครับว่า ตอนนั้นผมทำไม่ได้จริงๆ เพราะว่าทุกคนเก่งกันมากเลยครับ

Z_ZIN: ใช่ พวกเขามีแต่คนเก่งและก็โตกันแล้วจริงๆนั่นแหละค่ะ (ในรายการ ยาชิมมันมัน)

นิชคุณ: นั่นแหละครับ…(ถอนหายใจนิดนึง)

Z_ZIN: ในขณะที่คุณกำลังพูดอะไรบางอย่าง พวกเขาต้องเปลี่ยนเรื่องคุยเลยรึเปล่าคะ?

นิชคุณ: แบบนั้นเลยครับ! รายการออกอากาศทุกสัปดาห์เป็นเวลา 6 เดือน ตอนนั้นเป็นะไรที่ทำให้ผมท้อและรู้สึกเครียดจริงๆครับ

Z_ZIN: อื้มม…นานเหมือนกันนะคะนั่น แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะคะ แฮ่ๆๆ

นิชคุณ: ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเองไม่อยากนึกถึงเหมือนกันครับ เป็นเรื่องที่เครียดจริงๆนะครับ ตอนนั้น ผมขอโทษพี่โปรดิวเซอร์แบบยกใหญ่เลยล่ะครับ

Z_ZIN: ฉันขอถามได้มั้ยคะ ว่าคุณคิดว่าทำไมโปรดิวเซอร์ถึงให้คุณมาร่วมในรายการล่ะคะ?

นิชคุณ: ผมคิดว่า เขาเลือกผมเพราะไม่มีตัวเลือกในตอนนั้นมั้งครับ

Z_ZIN: ไม่น่าใช่นะคะ เพราะถ้าคุณยังร่วมในรายการต่อ และยังคงพูดเกาหลีได้ไม่คล่องนัก คนๆนั้นก็สามารถที่จะให้คุณออกได้นี่คะ

นิชคุณ: นั่นแหละครับ เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงออกจากพิธีกร <ในรายการ ยาชิมมันมัน> และมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ <สตาร์คิงส์> แทน

Z_ZIN: อ่าหห์…เข้าใจแล้วค่ะ

นิชคุณ: ในรายการ <สตาร์คิงส์> อย่างน้อย ผมก็มีโอกาสได้แสดงออกทางสีหน้าแล้วก็มีบางช่วงที่ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายน่ะครับ และผมก็เริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้นจากรายการนี้ครับ ตอนแรกผมคิดกับตัวเองว่า “อ่าหห์~ เราต้องมีปัญหากับรายการโชว์แน่เลย” แบบนั้นน่ะครับ

Z_ZIN: คุณคิดว่า คุณต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่คะจนกว่าที่คุณจะรู้สึกว่ามั่นใจในตนเอง?

นิชคุณ: ความมั่นใจ (ในตัวเอง) น่ะหรอครับ? นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคนเรามากเลยนะครับ แต่ผมคิดว่าผมยังมีไม่มากพอ ผมต้องมั่นใจมากกว่านี้ครับ

Z_ZIN: แต่ดูเหมือนคุณไม่ใช่คนที่ไม่มั่นใจเลยนะคะ

นิชคุณ: จริงๆครับ ผมยังขาดอยู่เยอะเลยครับ

Z_ZIN: ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ ผ่านมานานเท่าไหร่แล้วนะคะ ที่เราเคยร่วมงานกันตอนถ่าย Calvin Klein? 2 ปีเห็นจะได้มั้งคะ?

นิชคุณ: เกือบ 3 ปีแล้วมั้งครับ?

Z_ZIN: น่าจะประมาณ 3 ปีนะคะ ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างตอนนั้นกับตอนนี้ นิชคุณ ดูแตกต่างจริงๆนะคะ ดูเหมือนว่าทุกอย่างของคุณดีขึ้นมากเลยล่ะค่ะ

นิชคุณ: ผมคิดว่า เป็นความเคยชินของผมนะครับ ที่ต้องทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่ผมก็ยังคงขาดความมั่นใจ (ในตัวเอง) อยู่นะครับ ผมคิดเสมอเลยนะครับว่า ผมยังทำได้ไม่ดีพอ

Z_ZIN: ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ? คุณทำออกมาดีนะคะ…คุณพัฒนาขึ้นมากถ้าเทียบกับการถ่ายแบบครั้งแรก

นิชคุณ: ผมคิดอย่างนั้นกับตัวเอง เพราะว่าผมอยากพัฒนามากกว่านี้ครับ ผมยากทำให้ดีกว่านี้

Z_ZIN: คุณพยายามอย่างหนัก เพราะว่าคุณอยากทำทุกอย่างให้ดีกว่านี้หรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเชื่อและคิดกับตัวเอง และคำพูดที่ว่า “อ่าหห์ ทำไมฉันทำเรื่องนี้ได้ไม่ดีเลยนะ?” นั่นคือสิ่งที่ผมบอกกับตัวเองครับ

Z_ZIN: สำหรับฉันนะคะ ฉันคิดว่า การที่คุณคิดอะไรในทางที่ดีแบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนถ่อมตัวมากเลยค่ะ คนๆหนึ่งที่ถึงแม้ว่าโอกาสที่เข้ามาจะมีแต่สูงขึ้นๆ แต่คนๆนั้นก็ยังคงถ่อมตัว นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลยค่ะ และดียิ่งขึ้นเมื่อคุณมีทั้งความถ่อมตัวและความมั่นใจแบบที่คุณเป็นเช่นนี้

นิชคุณ: แต่ผมยังคงขาดความมั่นใจอยู่นะครับ

Z_ZIN: คุณต้องการความมั่นใจมากกว่านี้หรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ ผมอยากที่จะเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่านี้ครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมต้องขึ้นแสดงบนเวที แต่ผมก็ยังคงพร่ำเตือนกับตัวเองเสมอครับว่า ‘ฉันจะทำพลาดไม่ได้นะ’ ยังวิตกกังวลอยู่เลยนะครับ

Z_ZIN: ยังเป็นแบบนั้นเลยหรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ผมถึงไม่สามารถให้ตัวเองได้ 100% ผมยังคงให้ตัวเองกลับไปกลับมา อยู่ที่ 70~80% ครับ ผมยังให้ตัวเอง 100% ไม่ได้ครับ

Z_ZIN: นั่นมันน่าแปลกใจนะคะ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะคะ?

นิชคุณ: ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ…ผมคิดว่า อาจเป็นเพราะผมไม่ต้องการที่จะทำพลาดนะครับ

Z_ZIN: ที่คุณคิดแบบนั้น เพราะคุณคือคนนึงที่ยึดมั่นเรื่องการทำทุกอย่างให้ออกมาสมบูรณ์แบบรึเปล่าคะ?

นิชคุณ: ครับ ผมคิดอย่างนั้นนะครับ

Z_ZIN: อ่าหห์ ยากจังเลยนะคะ ฉันเข้าใจแล้วล่ะค่ะว่า ที่คุณยังคงเป็นกังวลเพราะว่าคุณไม่อยากทำผิดพลาด แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับความมั่นใจเลยนะคะ

นิชคุณ: เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟังนะครับ คือ ความมั่นใจของผมจะลดน้อยลงทันที [เมื่อ] ผมอยากจะลองทำบางอย่างให้มากขึ้น [ใจที่กังวลของผมก็จะคิดว่า] ‘อยากทำอ่ะทำได้ แต่ฉันต้องไม่ทำพลาดนะ’ นั่นล่ะครับ พอใจที่กังวลคิดแบบนั้น ผมก็ไม่มีความมั่นใจที่จะทำสิ่งนั้นเลยครับ

Z_ZIN: แล้วคุณพยายามลืมคำพูดเหล่านั้นมั้ยคะ?

นิชคุณ: ครับ ผมพยายามไม่เอาคำพูดเหล่านั้นมาบั่นทอนจิตใจผม ผมเริ่มคิดถึงสิ่งนั้นใหม่อีกครั้งว่า “ถ้าเราทำแบบนี้ มันน่าจะเจ๋งดีนะ” “ทุกคนจะชอบมั้ยนะ?” แบบนี้ครับ

Z_ZIN: นิชคุณ กรุ๊ปเลือดอะไรคะเนี่ย?

นิชคุณ: กรุ๊ป O ครับ

Z_ZIN: แม้ว่าคุณจะเลือดกรุ๊ป O คุณก็ยัง กังวลแบบนี้หรอคะเนี่ย~? (ปกติคนกรุ๊ป O ไม่ใช่คนที่ขี้กังวลที่สุด)

นิชคุณ: ผมว่า ผมคงเป็นคนกรุ๊ป O ที่แตกต่างมั้งครับ

Z_ZIN: แต่คนกรุ๊ป O เรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์ของคนทุกกรุ๊ปเลยนะคะ

นิชคุณ: นั่นแหละครับ ใช่เลย! ฮ่าๆ

Z_ZIN: ฉันเคยเห็นมาหลายคนแล้วนะคะ ที่บางคนเลือดกรุ๊ป O แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนกรุ๊ป O แต่ดันไปเหมือนคนกรุ๊ป A ซะมากกว่า ไม่ว่าจะ O เหมือน B หรือ O เหมือน AB นี่ก็ทำให้เราได้เห็นอีกด้านหนึ่งของ นิชคุณ นะคะ

นิชคุณ: ครับ นั่นเหมือนกันเยอะเลยล่ะครับ…

Z_ZIN: คุณวางแผนเอาไว้ว่าคุณอยากจะทำกิจกรรมที่เกาหลีนานเท่าไหร่คะ? ฉันหมายถึงคุณพอจะเล่าสิ่งที่ตั้งใจจะทำในอนาคตได้มั้ยคะ…

นิชคุณ: ผมจะยังอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆครับ [ทำงานอยู่ที่เกาหลี]

Z_ZIN: จนกว่าคุณจะอายุ 100 ปี เลยดีมั้ยคะ? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

นิชคุณ: ถึงแม้ว่าผมจะแต่งงานแล้ว ผมก็จะอยู่ที่นี่ต่อไปครับ!

Z_ZIN: คุณอยากลองงานแสดงดวยมั้ยคะ?

นิชคุณ: ผมอยากเป็นนักแสดงด้วยครับ แต่ปีนึง คงรับได้แค่เรื่องเดียวแน่เลย

Z_ZIN: ในขณะที่เราถ่ายแบบกันวันนี้ ฉันว่า นิชคุณ เป็นนักแสดงที่ดีได้นะคะ เวลาฉันธิบายอะไร ว่าคุณควรทำยังไง คุณเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเลยค่ะ

นิชคุณ: ฮ่าๆๆ

Z_ZIN: จริงนะคะ หลายครั้งที่นักแสดงชาวเกาหลีไม่สามารถที่จะแสดงออกทางสีหน้าได้ดี ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าตัวละครตัวนี้ต้องการอารมณ์แบบไหนก็ตาม แต่พอฉันเห็น นิชคุณ แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเท่าที่คุณเข้าใจ ฉันเลยรู้เลยว่า นิชคุณ เป็นนักแสดงที่ดีได้แน่นอนค่ะ

นิชคุณ: แต่เรื่องภาษาก็ยากนะครับ เวลาผมพูดภาษาไทย ผมยังติดขัดอยู่เหมือนกัน แถมพูดเกาหลีก็ยังไม่คล่องอีก และพูดอังกฤษก็ไม่ได้ดีเลิศอีกนะครับㅠㅠㅠㅠ

Z_ZIN: คุณฝึกฝนได้ค่ะ

นิชคุณ: นั่นสินะครับ ผมสนใจด้านการแสดงมากเลยครับ

Z_ZIN: ฉันพอดูออกค่ะ ฉันสังเกตคุณวันนี้น่ะค่ะ

นิชคุณ: ครับ

Z_ZIN: ว่าแต่ คุณอยากแต่งงานตอนไหนหรอคะ? ตอนนี้ คุณอายุเท่าไหร่แล้วคะ?

นิชคุณ: ตอนนี้ ผมอายุ 25 แล้วครับ

Z_ZIN: 25 หรอคะ อืม…

นิชคุณ: ผมคิดว่า อยากจะแต่งงานซักตอนอายุ 32-33 ดีมั้ยครับ? อ่าหห์~ ผมไม่รู้จริงๆอ่ะครับ

Z_ZIN: แต่ถึงยังไง คุณก็อยากแต่งงานใช่มั้ยคะ?

นิชคุณ: ผมอยากแต่งงานนะครับ~

Z_ZIN: ถ้าเกิดว่าตอนนี้? สมมติคุณเจอผู้หญิงที่คุณรัก คุณอยากจะแต่งงานทันทีเลยมั้ยคะ?

นิชคุณ: ผมไม่อยากแต่งทันทีขนาดนั้นครับ ผมยังไม่พร้อมนะครับ

Z_ZIN: เพราะตอนนี้ เป็นเวลาแห่งการทำงานใช่มั้ยคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ

Z_ZIN: คุณสามารถแต่งงานแล้วก็ทำงานไปด้วยได้นะคะ แต่นั่นคงเป็นเรื่องหนักหนาของคนดังมากๆเลย

นิชคุณ: ใช่ครับ นั่นจะเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ

Z_ZIN: อุดมคติของนิชคุณเป็นแบบไหนหรอคะ? ผู้หญิงแบบไหนที่คุณชอบ? ถ้าต้องเลือกแค่สิ่งเดียว คุณจะเลือกอะไรคะ?

นิชคุณ: อืมม…ผมชอบคนที่กตัญญูนะครับ เพราะว่าเมื่อคนนั้นรู้ว่าจะต้องรู้จักขอบคุณและดูแลคุณพ่อคุณแม่ยังไง อย่างอื่นก็จะดีด้วยครับ

Z_ZIN: คนที่รู้จักสำนึกบุญคุณและตอบแทนสินะคะ จนถึงตอนนี้ ฉันมีโอกาสได้เจอ นิชคุณ ประมาณ 10 ครั้ง มั้งคะ? แต่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เจอกัน นิชคุณ ยังคงเป็นคนที่นึกถึงความคิดและจิตใจของคนอื่นเสมอเลย ฉันมองว่า นิชคุณ เป็นคนที่ไม่ได้มองเพียงแค่สิ่งเดียว แต่เป็นคนที่รู้ว่าต้องมองโดยรวมด้วย ทำไมคุณถึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมาหรอคะ หรือ คุณแค่คิดเพราะตัวคุณเองเลย

นิชคุณ: ครับ ผมคิดแบบนั้น

Z_ZIN: คุณพ่อ คุณแม่ของคุณก็บอกคุณแบบนี้ใช่มั้ยคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ และตั้งแต่ผมเริ่มมาทำงานตรงนี้ ผมก็ให้ความสำคัญในเรื่องการคิดถึงคนอื่นมากขึ้นครับ

Z_ZIN: เพราะคุณมาทำงานตรงนี้ ทำไมคุณถึงให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ล่ะคะ?

นิชคุณ: เพราะผมอยากจะขอบคุณทุกคนอยู่เสมอครับ

Z_ZIN: อื้มม คุณอยากขอบคุณทุกคน คุณรู้สึกสำนึกในสิ่งที่ทุกคนทำให้ใช่มั้ยคะ

นิชคุณ: ใช่ครับ เพราะเหมือนก่อนที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้น่ะครับ แรกเริ่ม ผมเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย ผมร้องเพลงไม่ได้ เต้นไม่ได้ พูดเกาหลีก็ไม่เป็น แต่ผมก็ยังมีโอกาสมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ผมรู้สึกขอบคุณและคิดถึงบุญคุณของทุกคนมากครับ นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมคิดถึงคนอื่นก่อนและค่อยมาคิดถึงตัวเองทีหลังครับ ผมจะสร้างเครือข่ายที่มีแค่ คนดี เท่านั้นครับ

Z_ZIN: แล้วตอนนี้ เครือข่ายคนดีมีสมาชิกกี่คนแล้วคะ?

นิชคุณ: เครือข่ายของผมมีคนเยอะเลยนะครับ

Z_ZIN: คุณมีสมาชิกเครือข่ายคนดีเยอะเลยหรอคะ? (หัวเราะ)

นิชคุณ: แรกเริ่มก่อตั้งเลย ก็มีพวกเรา 2PM ทั้ง 6 คนครับ (หัวเราะ)

Z_ZIN: ถึงแม้ว่า ทุกคนจะไม่ได้เป็นแบบนี้ นักแสดงและคนดังหลายคนที่พอมีชื่อเสียงขึ้นมาก็จะเริ่มคิดถึงคนอื่นน้อยลง แต่ นิชคุณ ก็จะคิดถึงคนอื่นแบบนี้ตลอดไปใช่มั้ยคะ?

นิชคุณ: บางครั้งจิตใจเวลาเหนื่อยของผมก็จะคิดน่ะครับว่า ผมได้รับความรัก ความสนใจมากขนาดนี้ ทำไมผมต้องคิดถึงคนอื่นมากด้วยนะ ผมเคยถามตัวเองแบบนั้นครับ

Z_ZIN: คุณถามตัวเองหรอคะ?

นิชคุณ: ใช่ครับ ผมถาม และคำตอบที่ผมเชื่อเสมอก็คือ เพราะผมมีทุกวันนี้ได้ มายืนอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะทุกคน เมื่อผมคิดแบบนี้ ผมไม่สามารถตอบแทนทุกคนได้มากมายนัก แต่ผมจะคิดถึงความรู้สึกและจิตใจของคนอื่นให้มากครับ

Z_ZIN: นั่นเป็นเรื่องดีๆ ที่เราได้เรียนรู้จากผู้ชายที่ชื่อ นิชคุณ นะคะ

นิชคุณ: ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ^^

Scanned by: TAEC123 
Trans to Eng by: Jenniee & ssantibunny & letsnotbreakup@2ONEDAY.COM
Eng-Th Trans by: (N)AN (N)AN@2PM Thai Hottest

Cr : 2PM Thai Hottest



[แปลไทย] สัมภาษณ์ ชานซอง 2PM นิตยสาร An An



บทสัมภาษณ์ของชานซอง : ชานซองภูมิใจเป็นอย่างมากที่เขามีความสันทัดในภาษาญี่ปุ่นมากที่สุดจากเหล่าสมาชิกในวง

มันเป็นผลจากการที่เขาทำงานอย่างหนักและมีสาเหตุจากความเชื่อมั่นว่าถ้าหากเขาสามารถเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อแฟนๆชาวญี่ปุ่น มันก็คงจะดี "ตอนที่พวกเราอยู่ในช่วงทัวร์และพักในโรงแรม

ผมได้พยายามที่จะอ่านของขวัญชิ้นหนึ่งที่ได้จากแฟน มันเป็นนวนิยายญี่ปุ่น ตอนนี้ผมอ่าน Mr Keigo Higashino’s “Malice”เพราะในหนังสือมันมีคำอยู่หลายคำที่ผมไม่เข้าใจ เวลาที่ผมอ่าน ผมจะต้องวางดิกชันนารี่ไว้ข้างๆ
ดังนั้นมันจึงค่อนข้างใช้เวลาเป็นอย่างมากในการที่จะอ่านจบหน้านึง (หัวเราะ)"

แม้จะอยู่ในกลุ่มไอดอลสัตว์ป่าอย่าง 2pm แต่ชานซองต่างเป็นที่ยอมรับว่า เป็นคนที่มีรูปร่างดีที่สุด เขากล่าวว่า "ตอนเดินสายทัวร์ ผมได้ใช้เก้าอี้มาแทนที่ยกน้ำหนัก บางทีก็ใช้กระเป๋าสัมภาระมาแทน มันเหมือนกับว่าเราสามารถทำทุกสถาานที่แปลงมาเป็นยิมได้ ถ้าผมเกิดหลงทางในต่างถิ่น การเดินหาทางกลับบ้านก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายเหมือนกันครับ (หัวเราะ) และถ้าให้ผมเลือกคนเดินทางไปกับผมได้คนนึง ผมเลือกพี่นิชคุณครับ เพราะพี่เค้าเคยอยู่มาหลายที่ ดังนั้นเค้าจึงมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและสถานที่ใหม่ๆเป็นอย่างดีเยี่ยมครับ"

เกิดเมื่อวันที่ 11 ก. พ. 1990 สูง184cm กรุ๊ปเลือด B ปีที่ผ่านมาได้ปรากฎตัวในละครของญี่ปุ่นเรื่อง Kaito Royale รับบทเป็นโจรที่ลึกลับและเขาก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากการแสดงของเขา

CREDITS: JUNKAYSTREET (SCANS) ; PiPi@2PMBaidu (JPN > CHN TRANS) ; Dimes@2ONEDAY.COM (CHN > ENG TRANS)
Trans Eng-TH by Machima17@2PM Thai Hottest

Cr : 2PM Thai Hottest

[แปลไทย] สัมภาษณ์ นิชคุณ 2PM นิตยสาร An An


ผมอยากจับมือและก้าวเดินไปในจังหวะเดียวกันบนท้องถนนและพาชมนัมซาน ทาวเวอร์~

เมื่อใดก็ตามที่คุณสบสายตากับผู้ชายคนนี้ เขาจะยิ้มให้คุณเสมอ ทุกครั้งที่เห็นทีมงานผู้หญิงถือของพะรุงพะรัง นิชคุณ จะรีบตรงเข้าไปช่วยเหลือ ความดีที่เต็มเปี่ยมทั้งภายนอกและจิตใจของเขา เป็นเหตุผลที่ทุกคนตั้งชื่อเล่นให้นิชคุณว่า “เจ้าชายไทย” และ “เจ้าชายแห่งรอยยิ้ม”

[สำหรับ นิชคุณ] เราถามเขาว่า มีเรื่องราวอะไรบ้าง เมื่อยามที่ต้องเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตไปตามประเทศต่างๆและอยู่ในห้องพักที่โรงแรม นิชคุณ เล่าให้ฟังว่า “ผมกับอูยอง มักจะนอนห้องเดียวกันเสมอครับ และผมจะเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกเลยครับ ผมตื่นก่อน พออาบน้ำเสร็จ ผมก็จะเดินไปปลุกอูยอง ผมจะตะโกนดังๆเลยว่า “อูยอง อ่าหห์~!” แค่นั้นแหละครับ อูยองก็จะตื่นทันทีเลยครับ”

ถ้า นิชคุณ มีเวลาไปเดินเล่นในโซลได้ สถานที่ที่เขาอยากไปมากที่สุด คือ เมียงดง “ผมอยากไปสัมผัสความรู้สึกดูครับว่า จะเป็นยังไงนะ ถ้าเราเป็นนักท่องเที่ยวปกติธรรมดา เดินชอปปิ้งไปเรื่อยๆ ซื้อขนมจากร้านค้าริมทาง และถ้าผมมีแฟนนะครับ ผมก็อยากพาไปเดทที่ นัมซาน ทาวเวอร์ครับ พอไปที่นั่นสิ่งที่พลาดไม่ได้เลย คือ ผมจะเดินไปด้วยกันตามทางเดินถนน ท่ามกลางความสวยงามของต้นไม้ที่ตั้งเรียงรายพร้อมออกสีสันเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงครับ เราจะจูงมือเดินเล่นไปด้วยกัน ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว หิมะที่นั่นคงทำให้ทุกอย่างดูน่ารักไปหมดเลยล่ะ อ่าหห์ ใช่เลยครับ! ก่อนหน้านี้ ผมยุ่งมากเลย ห้องของผมแทบจะกลายเป็นโกดังเก็บของอยู่แล้วครับ ผมอยากไปที่นั่นและก็เดินไปรอบๆหาร้านเฟอร์นิเจอร์สวยๆ ดูชั้นวางของหรือชั้นติดผนังซักอันครับ”

นิชคุณ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน 1988 สูง 180 เซนติเมตร กรุ๊ปเลือด O มีผลงานโฆษณาทั้งที่เกาหลีและเมืองไทย ผลงานด้านการแสดงภาพยนตร์ญี่ปุ่น เรื่อง <Ouran High School Host Club>

Source: An An Magazine
Via: 2oneday.com
Scanned by: JunkayStreet
JP-Ch Trans by: Meteor@2PMBaidu
Ch-Eng Trans by: dimes@2ONEDAY.COM 
Eng-Th Trans by: (N)AN (N)AN@2PM Thai Hottest


Cr : 2PM Thai Hottest

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

[แปลไทย] สัมภาษณ์ จุนโฮ-นิตยสาร An An




จุนโฮ: “ถ้าผมมีแฟน ผมจะชวนเธอมาที่หอพักและแนะนำเธอให้กับสมาชิกในวงได้รู้จักครับ!”

ก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายทำกัน ก็เหมือนกับเพื่อนๆคนอื่น จุนโฮ ตะโกนขึ้นมาว่า “ได้เวลาทำงานแล้ว!” นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้บรรยากาศรอบๆสนุกสนานมากทีเดียว ด้วยจิตใจที่แน่วแน่ จุนโฮ คิดว่า สถานที่ที่เป็นที่สุดของ “สีสันแห่งโซล” ต้องเป็นที่นี่ “ที่ที่ผมคิดก็คือ ที่ 88 ไฮท์เวย์ครับ เส้นทางที่ทอดยาวไปตาม แม่น้ำฮัน (โอลิมปิก ไฮท์เวย์) เมื่อคุณเดินทางจากต่างประเทศมาถึง สนามบินกิมโป และมาหยุดอยู่ตรงถนนเส้นนั้น รับรองเลยครับ คุณจะได้ความรู้สึกราวกับว่า [ฉันมาถึง กรุงโซล แล้ว!]”

และสำหรับคำถามที่ถามว่า จะเลือกใครในวงไปพักผ่อนด้วยในประเทศต่างแดนที่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร จุนโฮ ก็สร้างเสียงหัวเราะ โดยการเลือก “สองคนจากวง” นั่นก็คือ แทคยอน และ จุนซู และจุนโฮก็กล่าวว่า “พวกเขาสองคนเริ่มเถียงกันทันทีเลยครับ” (หัวเราะ) จุนโฮ จึงยืนยันแบบแมนๆออกมาเลยว่า “ถ้างั้น ผมจะไปคนเดียวครับ! ถึงแม้ว่า ที่นั่นจะเป็นประเทศต่างแดนแถมต้องมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่ถ้าใครคนหนึ่งจะเอาตัวรอดได้ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและพลังใจของคนๆนั้นด้วยนะครับ ถ้าผมตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แล้วผมได้เดทกับหญิงสาวของประเทศนั้น ผมก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาของที่นั่นนะครับ ใช่มั้ย? (หัวเราะ)”

ถ้าสมมติว่า จุนโฮ มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น และเธอเดินทางมาที่ โซล จุนโฮอยากพาเธอไปที่ไหน?

“เราควรจะไปในสถานที่ชื่อดังและน่าสนใจ ใช่มั้ยครับ? แต่ผมไม่นะ ผมจะชวนเธอมาที่หอพักของเรา ผมอยากจะแนะนำเธอให้สมาชิกในวงได้รู้จักครับ”

Scanned by: JUNKAYSTREET
JP-Ch Trans by: PiPi@2PMBAIDU
Ch-Eng Trans by: x_tiffany_x@2ONEDAY.COM
Eng-Th Trans by: (N)AN (N)AN@2PM Thai Hottest

Cr : 2PM Thai Hottest

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

[แปลไทย] จุนซู 2PM - นิตยสาร An An



จุนซู ผู้มาจากแดกูที่อยู่ห่างจากโซลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 300 กม. 

เขาได้พูดสำเนียงท้องถิ่น (แดกู) ในรายกายต่างๆ เป็นการเปิดเผยลักษณะของ 'ชายหนุ่มแดกู'

ระหว่างที่เล่าเพื่อโปรโมทแดกูว่า 'เนื่องจากภูมิประเทศของแดกูเป็นแอ่ง ทำให้จะร้อนในฤดูร้อนและหนาวในฤดูหนาว แดกูโด่งดังมากเรื่องแอปเปิลด้วยนะครับ" สมาชิกคนอื่นๆต่างพากันขำ "ไม่เป็นไรครับ ผมชอบเวลาเพื่อนๆสนุกกับสำเนียงท้องถิ่นของผม"

เขาอายุ 16 ปีตอนที่จากแดกูที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดเพื่อเข้ามายังโซล "ตอนนั้นผมประทับใจมากที่ใครๆที่นี่ต่างก็ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ และผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะตั้งใจทำงานอย่างหนักด้วย" แม้แต่เวลาอยู่ที่โรงแรมในต่างประเทศ เขาไม่เคยหยุดทำในสิ่งที่ชอบเลย นั่นคือ การแต่งเพลง แต่ก็มีเหมือนกันที่สมาชิกทุกคนจะมารวมตัวกันในห้องนึง

"พวกเราคุยอะไรกันน่ะเหรอ? อนาคตของ 2PM ไง! ถึงแม้พวกเราจะพูดคุยกันเรื่องนั้น... แต่อันที่จริงแล้ว เมื่อมีใครสักคนเล่าเรื่องตลกขึ้นมา พวกเราก็จะหัวเราะขำไปด้วยกัน และในเมื่อพวกเราเป็นผู้ชายที่อายุเท่าๆกัน พวกเราก็เลยมักคุยเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆทั่วไปด้วยครับ (อิ อิ อิ)

Scanned by rikakotsu @ JunkayStreet
JP- Kr trans by: @hopibosal
Kr-Eng Trans by: KimBoPeepOppa @ JunkayStreet
Eng-Th Trans by: IamNaZza 2PM Thai Hottest

Cr : 2PM Thai Hottest


[แปลไทย] อูยอง 2PM - นิตยสาร An An






ถ้าสิ่งที่เขาหวังเป็นจริงล่ะก็ อูยอง อยากไป ซัมซอง ดง เขาอยากไปเดินเล่น สบายๆที่นั่น~

อูยอง ไม่ค่อยพูดเยอะนักแต่เขาก็ตอบคำถามทุกคำถามอย่างจริงใจ อูยอง ทำให้คนอื่นๆรู้สึกได้ว่า หนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนที่พูดน้อยแต่แข็งแกร่ง บ้านเกิดของเขาอยู่ที่ ปูซาน

“ถ้าพูดถึง ปูซาน คุณต้องเจาะจงไปที่ทะเล (ปูซาน) มีชายหาดสวยๆเยอะเลยล่ะครับ เมื่อไม่นานมานี้ ตรงถนน แฮอุนแด ก็มีการปรับปรุงดีขึ้นมากเลย ตึกสูงๆก็สร้างเสร็จกันหมดแล้วและคุณจะสามารถชมวิวยามค่ำคืนแบบโรแมนติกได้จากตรงนี้ด้วยนะครับ อย่างไรก็ตาม ตอนที่ผมกำลังจะมาเป็นเด็กฝึกหัดและต้องเดินทางจากปูซาน มาที่ โซล ตอนนั้น ผมเดินทางมาด้วยหัวใจแบบนักท่องเที่ยวเลยล่ะครับ อารมณ์แบบ นั่น นัมซาน ทาวเวอร์ นั่น ตึก 63! ทุกอย่างที่ผมเห็น ให้ความรู้สึกสุดยอดมากเลย”

และเมื่อเร็วๆนี้ อูยอง ก็ได้เผยสถานที่ที่เขาอยากจะไปเดินเล่น สบายๆ นั่นก็คือ ซัมซอง ดง

“(ซอง ซัม ดง) เป็นแหล่งรวมร้านกาแฟน่ารักๆที่หนึ่งเลยครับ และที่นั่นก็มีร้านเสื้อผ้าแฟชันเยอะด้วย แต่ในทางกลับกัน ซัมซอง ดง ก็เป็นสถานที่ที่มีบ้านแบบกระเบื้อง ปูน ตามแบบฉบับเกาหลีดั้งเดิมเช่นกันครับ เรียกได้ว่า เป็นที่ที่เราสามารถเห็นได้ทั้งความคลาสสิคแบบดั้งเดิมและแฟชันร่วมสมัยเลยครับ ผมอยากไปเยี่ยมชมที่นี่สักครั้ง เมื่อไหร่ก็ได้ ที่ผมสามารถไปได้~”

เหมือนกับเวลาอยู่ต่างประเทศ ก็มีสิ่งที่ไม่สามารถออกไปทำได้ใช่มั้ยคะ?

“ครับ แต่ได้ว่ายน้ำในสระของโรงแรมกับเพื่อนๆในวง นั่งดูวีดีโอเต้นด้วยกันในห้อง แค่นี้ก็สนุกมากแล้วนะครับ”

อูยอง เกิดวันที่ 30 เมษายน 1989 กรุ๊ปเลือด B มีความสามารถอย่างมากในการเต้น ออกเดบิวโซโลเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา อัลบัมมีชื่อว่า< 23, Male, Single >


Kor-Ch Trans by: 2pmbaidu
Ch-Eng trans by: ng0430 @ Only-Woo!
Eng-Th Trans by: (N)AN (N)AN@2PM Thai Hottest

Cr : 2PM Thai Hottest

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

2PM ในสายตาของผู้ชายที่ชื่อ อ๊ค แทคยอน


2PM ในสายตาของผู้ชายที่ชื่อ อ๊ค แทคยอน ไอดอลสัตว์ป่าที่พักว่างหลังได้รับบาดเจ็บ [บทสัมภาษณ์ค่อนข้างยาวค่ะ แต่อยากให้อ่านให้จบแล้วจะเข้าใจถึงผู้ชายชื่อ อ๊ค แทคยอน]



ถ้าพูดถึงไอดอลจากเกาหลีแล้วล่ะก็ ฉันเชื่อว่าเหล่าสาวก K-Pop ทุกคนคงมีชื่อไอดอลที่ชื่นชอบอยู่ในใจ และถ้าเจาะลึกไปถึงไอดอล ที่ประสบความสำเร็จในเอเชียเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ชื่อของไอดอลสัตว์ป่า 2PM ไอดอลที่มีแฟนคลับกลุ่มใหญ่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนจะต้องติดเป็นอันดับต้นๆอย่างแน่นอน ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาเดบิวต์เมื่อปี 2008 การเปิดตัวด้วยภาพลักษ์ “ไอดอลสัตว์ป่า” ทำให้พวกเขาเข้าไปกระชากหัวใจแฟนๆได้อย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาฝีมืออย่างไม่มีวันหยุด ทำให้เด็กหนุ่มหกคนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความฝันกลุ่มนี้ ก้าวขึ้นมาเป็นบอยแบนด์อันดับ 1 ของเกาหลีในเวลาเพียงไม่นาน ไม่มากเกินไปเลยที่จะขนานนามไอดอลกลุ่มนี้ว่า เป็นไอดอลอันดับ 1 อย่างไรก็ตามคำว่า “บอยแบนด์อันดับ 1” ทำให้นึกถึงความรู้สึกของ "ไอดอลที่เยี่ยมที่สุด" ซึ่งสมญานามนี้เป็นอะไรที่ 2PM ยังคงถ่อมตนที่จะรับเสมอตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้น จากการที่ต้องพัฒนาฝีมือของตนเองอย่างไม่มีวันหยุดบวกกับความพยายามอย่างไม่เคยย่อท้อ ทำให้ทั้งหกหนุ่มต้องลงทุนทั้งแรงใจแรงกายเพื่อทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งเบื้องหลังของความสำเร็จนั้นอาจต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่บ้าง และแน่นอนแฟนๆสามารถดูได้จากตามข่าวต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นข่าวที่ว่า อ๊ค แทคยอน หนึ่งใน “ไอดอลสัตว์ป่า” 2PM ได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องผ่าตัด บางคนที่ได้ยินข่าวนี้อาจจะรู้สึกสงสัยว่า “สัตว์ป่า บาดเจ็บด้วยหรอ?” แน่นอน แม้คำว่า สัตว์ป่า จะสะท้อนให้รู้สึกถึงความดุร้ายและแข็งแกร่งแต่ สัตว์ป่า ก็สามารถได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขนาดไอดอลที่แข็งแกร่งเฉกเช่นสัตว์ป่ายังพลาดได้รับบาดเจ็บ นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า พวกเขาทำงานกันหนักมากแค่ไหน ต้องใช้ความอดทนมากเท่าไหร่กว่าจะสามารถก้าวเดินมาได้จนถึงทุกวันนี้

2PM- ใช่แล้วหากพูดถึงเวลา 2PM นั่นคือเวลาที่ร้อนแรงที่สุดในตอนบ่ายของแต่ละวัน เช่นเดียวกับบอยแบนด์เกาหลีที่ประกอบไปด้วยชายหนุ่มหกคน 2PM คือบอยแบนด์ที่มาพร้อมกับความร้อนแรง มอบความตื่นเต้นให้แฟนๆทุกครั้งยามที่พวกเขาทำการแสดงและยังคอยสร้างความสุขให้กับทุกคน พวกเขามาในภาพลักษณ์ของ ไอดอลสัตว์ป่า อาจหมายถึง รูปร่างสมส่วนของสมาชิกในวงที่มีกล้ามเนื้อสวยและร่างกายที่กำยำ สมาชิกทั้งหกคนต่างมีจุดเด่นเฉพาะที่แตกต่างจากไอดอลวงอื่น แทนที่จะบอกว่า 2PM เป็นไอดอลที่ฉีกแนวจากไอดอลทั่วไป ฉันขอเลือกที่จะบอกเช่นนี้แทนว่า พวกเขาไม่ได้แหวกแนว เพียงแค่เพิ่มลุคสัตว์ป่าเข้าไปในคอนเซ็ปต์ของพวกเขา เริ่มจาก นิชคุณ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน ที่ไม่ว่าจะปรากฏตัวครั้งไหนก็มักจะมาพร้อมกับความเพอร์เฟ็คเสมอ คนต่อมา คิม จุนซู พี่ใหญ่จากแดกูที่เต็มไปด้วยเสียงฮาและมากด้วยพรสวรรค์ จาง อูยอง หนุ่มน้อยที่มีทักษะการเต้นที่สุดยอดและเป็นตัวของตัวเอง ตามด้วย อี จุนโฮ หนุ่มน่ารักที่มีเสน่ห์โดดเด่นที่ “ตายิ้ม” หนุ่มกินเก่ง ฮวัง ชานซอง มักเน่ที่มีจิตใจอ่อนโยนและน่ารักเสมอ และแน่นอนคนที่สำคัญที่สุดของการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ – หนุ่มหล่อ เท่ห์ และคนที่เข้าถึงความเป็นสัตว์ป่ามากคนหนึ่งของวง อ๊ค แทคยอน ชายหนุ่มหกคนที่มารวมตัวกันในนาม 2PM ในสายตาของพวกเขา ความหมายของคำว่าทีม และอะไรคือ 2PM สำหรับเขา? เราจะมาฟังความรู้สึกจาก แทคยอน กัน ซึ่งวันที่สัมภาษณ์นี้หนุ่มแทคเป็นตัวแทนจาก Korea Tourism เพื่อมาร่วมกิจกรรม “Touch Korea” เราจึงมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับหนุ่มคนนี้แบบเป็นกันเองตลอดการให้สัมภาษณ์

ความจริงใจของผู้ชายคนนี้



ในเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นประเทศที่มีการแข่งขันสูงระหว่างไอดอลแต่ละวง แล้วอะไรที่ทำให้ แทคยอน หนุ่มคนนี้ที่ไม่ว่าจะอยู่หน้าจอหรือเบื้องหลังก็ยังคงเป็นสมาชิกของวงทีได้รับความนิยมอยู่เสมอ? นอกจากตารางงานที่ล้นจนแทบไม่ได้พัก และยังต้องแบ่งเวลาเพื่อมาฝึกซ้อม อีกทั้งในแต่ละวันต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย แสงแฟลชจากแฟนๆที่คอยส่องกระทบตัวเขาเสมอ ฟังดูเหมือนแต่ละเรื่องมีรายละเอียดและต้องแบกความรับผิดชอบไว้เยอะ แต่แทคยอนก็ยังคงสามารถทำทุกอย่างออกมาได้ดี แม้บางครั้งอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอก็ตาม และนี่รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เราจะสัมภาษณ์ในวันนี้ด้วย แทคยอนตอบคำถามได้อย่างเป็นทางการแต่กระนั้นก็แสดงออกถึงความจริงใจในคำตอบของเขา ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า เมื่อมีการสัมภาษณ์หากผู้สัมภาษณ์ถามคำถาม ผู้ตอบควรตอบด้วยคำสุภาพและเป็นทางการ แต่จะต้องใช้ประสบการณ์เช่นกันเพื่อที่จะตอบคำถามนั้นได้อย่างครบถ้วนและจริงใจ? แต่แทคยอนทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว

ตารางงานที่ติดต่อกันถึง 3 งานภายในวันเดียวถือว่าเป็นเรื่องหนักมาก แต่คงไม่หนักมากพอที่จะล้มแทคยอนได้ เพราะหนุ่มคนนี้ยังคงทำทุกอย่างอย่างเต็มที่โดยไม่ได้หยุดพัก แถมยังพกความน่ารักบวกแววตาที่จริงใจมาอีกด้วย แทคยอนทำงานด้วยความตั้งใจ และมอบรอยยิ้มให้กับผู้ร่วมงานเสมอ อีกทั้งความขี้เล่น อารมณ์ดีของเขาก็ไม่เคยลดน้อยลง เขายังเป็นกันเองเพื่อไม้ให้บรรยากาศการสัมภาษณ์ตึงเครียดและน่าอึดอัดเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหนื่อยจากการทำงาน แต่แทคยอนกลับทำให้ทุกที่ที่เขาไปเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสบายใจ – แทคยอนหล่อมาก หลังจากที่มีโอกาสพบเขาเพื่อทำการสัมภาษณ์ ฉันสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า เขาหล่อมาก นักข่าวหลายคยเคยบอกว่า แทคยอนมีวิธีที่จะหลีกเลี่ยงคำถามที่เขาไม่สะดวกที่จะตอบ เมื่อต้องเจอกับคำถามที่ยากเกินไป เจาจะมีวิธีการพูดที่มีชั้นเชิงแต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และนักข่าวคนนั้นก็ไม่สามารถว่าอะไรเขาได้ด้วยหากเขาไม่ตอบคำถามใด แต่อย่างไรก็ตาม การสัมภาษณ์ในครั้งนี้คงจะแสดงให้หลายๆคนได้เห็นอีกมุมหนึ่งของผู้ชายคนนี้ อ๊ค แทคยอน

(R = ผู้สัมภาษณ์, T = แทคยอน)

R: หลังจากที่ตามคุณไปถึง 3 งานในวันนี้ ฉันก็ได้มีโอกาสมานั่งสัมภาษณ์คุณแล้วนะคะ ฉันบอกได้เลยว่าคุณเป็นคนที่ดูดีจริงๆเลยค่ะ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอถามคำถามคุณแบบตรงไปตรงมาเลยนะคะ

T: (มองมาด้วยสายตาที่เป็นกันเอง) ได้เลยครับ ถามมาได้เลยครับ…

R: ศิลปินชาวจีนคนไหน ที่คุณอยากจะร่วมงานมากที่สุดคะ?

T: ผมเพิ่งมีโอกาสได้ไปทำการแสดงที่นั่น และก็ออกรายการบ้างนะครับ แต่ในความทรงจำของผมแล้วล่ะก็ แจ๊คกี ชาน กับ เจ็ท ลี เป็นคนที่ผมอยากเจอมากที่สุดเลยครับ และผมก็อยากมีโอกาสร่วมงานกับซุปเปอร์สตาร์เอเชียทั้งสองท่านนี้ด้วยครับ

R: แล้วคุณเคยคิดว่าอยากลองร่วมงานกับศิลปินหญิงชาวจีนด้วยมั้ยคะ?

T: ทำงานร่วมกันหรอครับ จริงๆผมเคยทำงานร่วมกับศิลปินหญิงชาวจีนที่เกาหลีใต้นะครับ แต่ดูเหมือนว่าเราจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่เลย เพราะงั้นผมว่าผมอยากมีโอกาสทำงานกับศิลปินหญิงชาวจีนที่ชอบผมมากกว่าครับ (ฮ่าๆๆๆ…)

ฉันเชื่อว่า ไม่ใช่แค่เพียงแทคยอน แต่ไอดอลทุกคนต่างก็มีวิธีให้สัมภาษณ์ในแบบของตัวเอง เพราะว่าบางคำถามอาจจะไปกระทบเรื่องราวหรือจิตใจของไอดอลได้ ไอดอลบางคนอาจใจกล้าที่จะตอบออกไป บางอาจจะขำๆ ยิ่งเป็นคำถามที่กำลังเป็นข่าวอยู่ พวกเขาอาจพยายามที่จะทำเป็นไม่ได้ยิน และเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้นๆ ถึงแม้ว่าในระหว่างการสัมภาษณ์ อาจมีบ้างบางคำถามที่ตรงเกินไป แต่แทคยอนกลับไม่มีท่าทีที่จะหลีกเลี่ยงคำถามนั้น เขายังคงอารมณ์ดีและตอบทุกคำถาม นี่ยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่าผู้ชายคนนี้มีความจริงใจกับทุกเรื่องจริงๆ

R: เมื่อไม่นานมานี้ ฉันเห็นกระทู้ในอินเตอร์เน็ทค่ะ ที่พูดถึงเรื่องที่คุณเดินทางไปสอบ แต่อาจารย์บอกว่าคุณไม่ค่อยได้ไปเรียน จึงลงโทษ โดยการสั่งให้คุณไปยืนหน้าห้องเพื่อให้เพื่อนๆถ่ายรูป จริงรึเปล่าคะ?

T: เรื่องนี้นะครับ รายละเอียดเป็นแค่ข่าวลือน่ะครับ จริงๆแล้ว ผมกับอาจารย์ท่านนี้เราสนิทกันนะครับ และวันนั้นท่านไม่ได้ลงโทษผมนะครับ ท่านแค่บอกว่าไปยืนให้เพื่อนๆในห้องถ่ายรูปหน่อยได้มั้ย เรื่องมีแค่นี้เองครับ…


และในขณะที่จะสัมภาษณ์ต่อนั้น มีหลายคำถามที่ไม่ได้รับการเห็นด้วยจากผู้จัดการของเขา แต่อย่างไรก็ตาม แทคยอน ยืนยันที่จะตอบคำถามนั้น เขาอยากที่จะตอบในทุกคำถาม เขาพูดว่า “ผมจะตอบคำถามนี้ครับ” นี่คือคำยืนยันของแทคยอน เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุเพียง 24 ปี แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นมากพอแล้วที่จะทำให้เราทุกคนได้ตระหนักว่า ผู้ชายคนนี้มีการจัดการกับทุกเรื่องในชีวิตของเขาได้เป็นอย่างดี

ไอดอลสัตว์ป่ากับการบาดเจ็บ



เดือนพฤษภาคม ปี2012 หกหนุ่ม 2PM มีตารางงานมากมายที่ต้องทำในประเทศญี่ปุ่น แต่แล้วก็มีข่าวออกมาว่า แทคยอน ได้รับบาดเจ็บจนกระดูกต้นแขนหัก ไอดอลสัตว์ป่าของเราได้รับบาดเจ็บ…..หลายๆคนต่างลงความเห็นไปว่า สาเหตุที่เขาได้รับบาดเจ็บนั้น มาจากการซ้อมเต้น ทั้งในเรื่องท่าเต้นที่ยากเกินไปและอุปกรณ์ต่างๆที่เข้ามาเพิ่ม แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ แฟนๆรู้ดีว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดเป็นห่วงและคลายกังวลกับการบาดเจ็บของหนุ่มไอดอลที่ตนเองรัก แต่ความจริงแล้ว อาการบาดเจ็บของแทคยอน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการซ้อมเต้นเลย สาเหตุมีเพียงแค่ หลังจากมีช่วงเวลาพักจากตารางงานในญี่ปุ่น เหล่าสมาชิก 2PM ใช้เวลาว่างเล่นเกมส์งัดข้อกัน และนั่นทำให้แทคยอนได้รับบาดเจ็บขณะเล่นเกมส์ สาเหตุที่ถูกแจ้งออกมานี้ อาจทำให้แฟนๆหลายคนยังไม่หายแคลงใจ เพราะหลายคนคิดว่า แค่เพียงเล่นงัดข้อจะถึงกับทำให้ได้รับบาดเจ็บจนทำให้แขนหักเชียวหรือ แทคยอน ต้องพันผ้าพันแผลนานนับเดือน แต่ในวันที่สัมภาษณ์ เป็นวันแรกที่เขาสามารถแกะผ้าพันแผลออกได้ และก่อนที่เราจะถามคำถามกับเขา แทคยอนก็แสดงออกว่าเขารู้สึกพอใจมากเลย ที่แขนไม่ต้องพันผ้าพันแผลไว้แล้ว

T: วันนี้ เป็นวันแรกล่ะครับ ที่ผมแกะผ้าพันแผลออก…..

R: หลังจากต้องออกเดินสายทัวร์เมื่อไม่นานมานี้ คุณก็ได้รับบาดเจ็บเลย ตอนนี้อาการดีขึ้นรึยังคะ?

T: ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้วครับ วันนี้เลยแกะผ้าพันแผลออกได้แล้วด้วยครับ

แทคยอน หัวเราะกับตัวเองอย่างสนุกสนาน ที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขาไม่อยากให้ใครต้องมารู้สึกเป็นกังวลกับอาการบาดเจ็บของเขา และการได้รับบาดเจ็บระหว่างเล่นเกมส์นี้ก็ไม่มีใครสามารถออกมาชี้แจงถึงรายละเอียดได้มากนัก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเราระลึกได้ว่า ไอดอลสัตว์ป่ากลุ่มนี้แข็งแรงขนาดไหน และหากมองในแง่ดี เมื่อได้รับบาดเจ็บพวกเขาก็จะได้มีเวลาพักมากขึ้น และข้อสำคัญที่หลายคนอาจจะลืมไปแล้วก็คือว่า พวกเขาก็ยังคงเป็นกลุ่มเด็กหนุ่มที่มีการเล่นสนุกแบบเด็กหนุ่มทั่วไป ไม่ใช่หรือ?

รูปร่างที่กำยำ กล้ามเนื้อที่สมส่วนของสมาชิก 2PM นั้น เป็นผลที่ได้มาจากการพยายามอย่างหนักและตอนนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเขาไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังคงมีบางคนที่สงสัยและคอยจับผิดว่า ในเมื่อมีรูปร่างที่แข็งแรง แต่ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บ? หากคนที่มีความสงสัยเหล่านี้ ควรเข้าใจว่า ถึงแม้ไอดอลสัตว์ป่าจะมีรูปร่างดี ร่างกายที่แข็งแรง แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับบาดเจ็บ ถึงกระนั้น ตัวแทคยอนเอง ก็ไม่ได้กังวลไปกับการได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เขาเพียงแค่เล่าให้ฟังด้วยความสนุกสนานเท่านั้นเพื่อลดความกังวลของทุกคน และหนุ่มแทคยังแสดงให้เห็นถึงการมองโลกในแง่ดี เขามักจะพูดเสมอว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเขา เขาโอเค แต่การแสดงออกของแทคยอนเช่นนี้ ก็ทำให้แฟนๆหลายคนยิ่งเป็นห่วงเขามากกว่าเดิมเช่นกัน

“Ok Cat” ความน่ารักในหมู่สัตว์ป่า




แทคยอน ถือได้ว่าเป็นสมาชิกในวง 2PM ที่แสดงออกถึงความเป็นสัตว์ป่าได้ดีคนหนึ่ง ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำ เสียงทุ้มต่ำและเสน่ห์ที่ติดตัว ทำให้เขาเป็นไอดอลสัตว์ป่าที่ได้รับความนิยมล้นหลามจากแฟนๆ และในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า แทคยอน คือสัตว์ป่าที่น่ารัก แฟนๆต่างให้ฉายาเขาว่า “Ok Cat” และเขาก็ยังวาดรูปแมวทุกครั้งที่เซ็นลายเซ็น เพื่อแสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขาเท่านั้นอีกด้วย แทคยอนเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความขี้เล่น เป็นชายหนุ่มที่นอกจากจะทำให้เราเข้าใจถึงภาพลักษณ์ของสัตว์ป่าไดเป็นอย่างดีแล้ว ยังทำให้เราต้องมนต์ไปกับความน่ารักและซุกซนที่ไม่เหมือนใครของเขาอีกด้วย!

R: ได้ยินมาว่า คุณมีชื่อเล่น ฉายา หลายชื่อมากเลยนะคะ แต่เมื่ออยู่บนเวที คุณกลายเป็นชายหนุ่มที่มีภาพลักษณ์แบบสัตว์ป่ามากๆเลยนะคะ คุณอยากเป็นแบบนั้นในชีวิตจริงด้วยมั้ยคะ?

T: นั่นเป็นคอนเซ็ปต์และภาพลักษณ์หลักของวงเราครับ แต่ผมก็พยายามเอามาใช้ในชีวิตจริงอยู่นะ ฮี่ๆๆๆ

ถึงแม้ว่า จริงๆแล้วเขาจะเป็นหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่น แต่ทันทีที่ต้องขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาที่เขา แทคยอนจะเผยเสน่ห์อีกด้านหนึ่ง เสน่ห์ของสัตว์ป่าออกมา นั่นยิ่งตอกย้ำให้ทุกสายตาจดจ้องมาที่เขามากยิ่งขึ้น และเมื่อทั้งหกคน หกเสน่ห์ที่แตกต่างมารวมกัน ยิ่งทำให้เรามองเห็นภาพความเป็น 2PM ได้ชัดเจนขึ้น ในขณะที่แฟนๆหลายคนต่างหลงใหลไปกับเสน่ห์ที่แข็งแกร่งดุจสัตว์ป่า แทคยอน ก็ได้รับความรักมากมายจากแฟนๆที่ชื่นชอบ ความน่ารักและเป็นกันเองของเขาเช่นกัน ความน่ารักในแบบของแทคยอนนั้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ต่างรู้สึกสบายใจและมีความรู้สึกที่ดี บนเวทีเขาเป็นสัตว์ป่า แต่เมื่อการแสดงสิ้นสุดลงสำหรับทุกคนแล้ว เขากลายเป็น “Ok Cat” ผู้น่ารักที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร เรียกได้ว่า แทคยอน คือผู้ชายที่มีเสน่ห์ทั้งสองด้าน และแน่นอนเป็นผู้ชายที่ได้รับความรักจากทุกคนแบบล้นหลามเช่นกัน

ความสำเร็จของ ‘ทีม’ และความหมายของคำว่า ‘มิตรภาพ’



ตั้งแต่ตอนที่เดบิวต์ เส้นทางก้าวเดินของ 2PM ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเส้นทาง หากแต่ต้องผ่านพายุทั้งลมฝน และขวากหนามที่เป็นอุปสรรคมากมาย ทุกก้าวเดินเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่แทคยอน ก็ยืนยันหนักแน่นว่า เหตุการณ์เหล่านั้นทำให้เขาเข้าใจความหมายของคำว่า ‘มิตรภาพ’ หากมีคนถามแทคยอน ว่า สำหรับเขา อะไรคือความเป็น 2PM? บอกได้เลยว่า เขาคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เพราะสำหรับแทคยอนแล้ว 2PM ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ต้องทำหรือความเคยชิน แต่ 2PM คือส่วนหนึ่งในชีวิตของเขานั่นเอง

แทคยอน เชื่อเสมอว่า การทำอะไรเพียงลำพังไม่สามารถทำให้สิ่งที่ทำอยู่ออกมาสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยม และเพราพวกเขา 6 คน รวมกันเป็นหนึ่งจึงทำให้มี 2PM ในวันนี้ ฝึกซ้อมด้วยกัน ทำงานหนักด้วยกัน ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็ก้าวผ่านมาพร้อมกัน ไม่มีใครวิ่งนำหน้าหรือหนีไปแต่พวกเขาค่อยๆเดินมาด้วยกัน ค่อยๆเดินมาพร้อมกัน และนี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดคำนี้ขึ้นมา “ทีม” และยังนำมาซึ่งอีกคำหนึ่งที่มีความหมายยากเกินที่จะบรรยาย “มิตรภาพ”

R: คุณคิดว่า ทำไมส่วนใหญ่แล้วไอดอลเกาหลีถึงเดบิวท์เป็นกลุ่มมากกว่าออกเดี่ยวล่ะคะ?

T: ในหนึ่งวันมีเวลาแค่ 24 ชั่วโมง แต่ถ้าพวกเราทั้ง 6 คนรวมกัน ในแต่ละวันเราจะมีเวลามากกว่า 100 ชั่วโมง แค่เพียงกำลังใจที่ทุกคนมีให้กัน พวกเราจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ง่ายขึ้น เมื่อเรารวมกำลังกัน เวลาทำการแสดงเราจะนำจุดเด่นของแต่ละคนมาทดแทนความแตกต่างได้เป็นอย่างดีครับ

R: ถ้าทำงานคนเดียวก็ไม่ดีใช่มั้ยคะ?

T: ถ้าจะทำงานเดี่ยว ผมคิดว่าเราต้องแข็งแกร่งมากครับ

R: คุณคิดว่า 2PM กับไอดอลวงอื่น มีความแตกต่างกันยังไงคะ?

T: ผมคิดว่ามีความแตกต่างอยู่ 2 ข้อนะครับ หนึ่งเลยความเป็นทีมเวิร์คและการแสดงบนเวทีของพวกเราครับ ในหลายๆการแสดง เราต้องอาศัยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน เพราะบางท่าเต้น การแสดงต้องเคลื่อนไหวโดยอาศัยร่างกายของเพื่อนอีกคนในวง ถือเป็นความรับผิดชอบของคนๆนั้นเลยนะครับ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่เราต้องเชื่อใจกันและกันครับ

การแบกรับร่างกายของเพื่อนในวงระหว่างทำการแสดง ความเชื่อใจในกันและกัน นี่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ทำให้ 2PM แตกต่างจากวงอื่น ชายหนุ่ม 6 คนทำการแสดงร่วมกันและแสดงออกถึงความเป็นหนึ่ง ดังเช่นที่แทคยอนพูด บางการแสดงเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ เราจึงต้องเชื่อใจกัน คิดให้ดีอีกทีก็คือ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องรับผิดชอบเพื่อไม่ให้ ‘เพื่อน’ ต้องได้รับบาดเจ็บ ใช่มั้ยล่ะ?

ฉันยืนยันได้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ชมการแสดงของ 2PM ต้องไม่คิดว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายหกคนมาเต้นบนเวทีแน่ๆ แต่พวกเขาคือกลุ่มชายหนุ่มที่มีความสามารถด้านการเต้นอะโครบาติกและกำลังทำการแสดงแบบยอดเยี่ยมให้พวกเราชม เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ท่าเต้นของ 2PM นั้นมีระดับที่ค่อนข้างยาก แทคยอน ก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในตำแหน่งที่ยากเช่นกัน ด้วยร่างกายที่สูงทำให้การตีลังกากลางอากาศนั้นอาจทำได้ยากสำหรับเขา แต่หากพูดถึงในตำแหน่งที่ต้องแบกรับเพื่อนแล้ว 100% เลยว่า เขาเป็นคนที่เพื่อนๆสามารถเชื่อใจได้อย่างแน่นอน เพื่อนๆจะสามารถทำการแสดงออกมาได้ดีเพราะเขาจะคอยดูและระวังไม่ให้ใครต้องเกิดอันตรายระหว่างการแสดง การรู้ใจกันและความเชื่อใจเหล่านี้ ไม่ใช่อะไรที่จะได้มาง่ายๆเพียงแค่รู้จักกันไม่กี่ปี แต่เป็นมิตรภาพที่อยู่ด้วยกันมาตลอดหลายปี ฝึกซ้อมด้วยกัน การไม่สิ้นสุดของความเชื่อใจในกันและกัน ทั้งหมดนี้คือปัจจัยสำคุณที่ทำหะวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากในวันนี้

แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกอย่างจะผ่านพ้นมาอย่างง่าย โดยที่ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในกลุ่มเลย อาจเกิดช่วงเวลาที่ความเห็นไม่ตรงกันบ้าง และเพราะ 2PM ไม่มีหัวหน้าวง นั่นยิ่งทำให้หลายๆคนคิดว่า เวลามีปัญหา ความขัดแย้งเกิดขึ้น อาจไม่มีใครเป็นผู้นำหลักในการแก้ปัญหานั้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านั้นจะยิ่งทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่าทีมเวิร์ค เพราะเมื่อมีปัญหา ทุกคนในวง 2PM ต่างต้องช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกันทุกคน

R: เมื่อมีปัญหาหรือความขัดแย้งเกิดขึ้น คุณเป็นคนกลางรึเปล่าคะ? แล้วคุณมีวิธีการแก้ปัญหานั้นอย่างไร?

T: เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหาเกิดขึ้น พวกเราจะไม่เร่งรีบพูดแสดงอารมณ์ออกมาในตอนนั้นทันทีครับ แต่พวกเราจะรอจนกว่าถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันและจะแก้ปัญหาไปพร้อมกันครับ คนเพียงคนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ดีหรอกนะครับ ความเป็น 2PM ของพวกเราคือไม่มีใครเป็นหัวหน้าหรือผู้นำของทีม แต่ทีมเป็นของพวกเรา 2PM ทุกคนครับ

ไม่จำเป็นที่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะเห็นได้ชัดแล้วว่า ทีมเวิร์คเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ 2PM บอยแบนด์ที่เป็นอันดับ 1 ของเกาหลี นี่เป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์จากคำว่า ‘ทีม’ จากวงที่มีสมาชิก 7 คนต้องเหลือเพียงแค่ 6 คน พวกเขาต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ต้องได้ยินข่าวลือมากมาย ความตึงเครียดและการพูดถึงทั้งในเรื่องดีและไม่ดี ตกอยู่ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดเกินกว่าจะสามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้ แต่เป็นเพราะมีคำว่า ‘ทีม’ และ ‘มิตรภาพ’ เป็นตัวหล่อหลอมกำลังใจ ทำให้ชายหนุ่มหกคนสามารถก้าวผ่านเรื่องร้ายๆและประสบความสำเร็จได้ ดังเช่นทุกวันนี้

ในขณะที่คำถามมีการพูดถึงสมาชิกคนอื่นๆในวง แทคยอน ก็เริ่มจริงจังมากขึ้นและไตร่ตรองอย่างดีทุกครั้งก่อนที่จะตอบออกมา ไม่ใช่เพราะเขาจะแสดงออกถึงความเป็นคนกล้าตัดสินใจ แต่เป็นเพราะ ‘เพื่อน’ ในวงมีความสำคัญมากต่อเขานั่นเอง เป็นความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะหาคำพูดไหนมาอธิบายได้ ดังนั้น การถามอะไรที่เป็นเรื่องของ 2PM เป็นเรื่องที่แทคยอนจะใส่ใจและละเอียดเป็นพิเศษ การทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากให้เห็นถึงนิสัยของเขา แต่เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันว่า 2PM เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขาทั้งหกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

R: คุณเล่าเรื่องเพื่อนร่วมวง นิชคุณ ให้เราฟังบ้างได้มั้ยคะ?

T: นิชคุณ เป็นสมาชิกในวงและเป็นเพื่อนที่ดีมากเลยครับ 2PM ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะนิชคุณนะครับ การเป็นที่รู้จักเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเรา 2PM หวังมาตลอดเลยครับ….

R: แล้วตอนนี้พวกคุณมีแผนทำอะไรต่อไปบ้างคะ?

T: พวกเรากำลังวางแผนเกี่ยวกับอัลบัมหน้าของพวกเราอยู่ครับ หวังว่าทุกคนจะคอยติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ

แทคยอน ยังคงใส่ใจเมื่อต้องพูดถึงสมาชิกในวงเสมอ เพราะในความรู้สึกของเขาแล้ว ความสำคัญของสมาชิกในวง เท่ากับ 2PM และความสำคัญของ 2PM ก็เทียบเท่ากับความสำคัญของสมาชิกในวง พวกเขาไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่พวกเขาคือ 2PM ฉันเชื่อว่าในอนาคต 2PM จะยังคงเป็นบอยแบนด์ที่ทรงพลังและทรงอิทธิพลมากขึ้นอย่างแน่นอน ไอดอลสัตว์ป่าที่ก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางแห่งความฝัน เพื่อเดินทางสู่เส้นชัยแห่งความสำเร็จ เดินทางไปพร้อมกัน ไม่เพียงแต่ให้แฟนๆเห็นถึงความโดดเด่นของแต่ละคน แต่จะทำให้แฟนๆทุกคนเห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา 2PM

Surce: 2PM Baidu Bar

Ch-Eng Trans by: x_tiffany_x, beezz & serrling@2ONEDAY.COM
Eng- Th Trans by: (N)AN (N)AN@2PM Thai Hottest